บทที่ 11
สดับเพียรหมื่นภพชาติ
สดับเพียรหมื่นภพชาติ

แบบตัวอักษร
ตัวอักษร 1 ตัวอักษร 2
สีพื้นหลัง
Aa Aa Aa Aa
ขนาดตัวอักษร
Aa+ Aa-

บทที่ 11


          

        หิมะตกลงมาอีกรอบในกลางดึก ไป๋เยว่ชิงกลับไม่รู้สึกถึงความหนาวเหน็บแม้แต่น้อย 


        เขานั่งลงบนกองหิมะสีขาวที่อยู่บนพื้น และปล่อยให้หิมะที่อยู่บนฟากฟ้าหล่นร่วงผ่านวิญญาณของเขาไป สายลมที่โหมพัดมานั้นเยว่ชิงกลับไม่รับรู้ถึงสัมผัสของมัน 


        เวลานี้เขาก็ไม่ต่างกับพุทธองค์หลี่จิ้งหยาง ไร้ซึ่งความรู้สึกทั้งที่ไม่ได้ยินยอมจะเป็นเช่นนี้


        ‘เยว่ชิงเอ๋ยเยว่ชิง’


        ‘นามของเจ้าคือ ไป๋เยว่ชิง’ 


        ‘เจ้าคือศิษย์แห่งวิหารระฟ้านับแต่นี้ จงซื่อสัตย์และภักดีต่อพุทธองค์หลี่จิ้งหยาง’ 


        เสียงจากอดีตยังดังก้องอยู่ในหูทั้งสอง เนิ่นนานเพียงใดเยว่ชิงก็ไม่เคยลืมเลือน แม้จิตที่เหลือในตอนนี้จะโสมมสกปรกเพียงใด ทว่าเบื้องลึกลงไปยังจิตใต้สำนึกนั้น ไป๋เยว่ชิงยังคงจดจำทุกสิ่งอย่างระหว่างตัวเขากับพุทธองค์หลี่จิ้งหยางได้เป็นอย่างดี


        ถึงแม้พุทธองค์จะทำร้ายเขาจนตายซ้ำไม่รู้กี่ชาติภพ ไป๋เยว่ชิงก็มิอาจลืมเรื่องในวันวานได้ลง 


        หิมะยังคงตกลงมาไม่หยุด หางตาของเยว่ชิงเหลือบเห็นร่างของใครบางคน เดินฝ่าเงามืดไปทางหลังวิหารระฟ้า ท่าทางนั้นคล้ายคลึงกับพุทธองค์หลี่จิ้งหยาง เห็นดังนั้นเยว่ชิงก็ค่อยยันกายของตนขึ้น และเดินฝ่าหิมะตามอีกฝ่ายไปอย่างเงียบๆ 


        ทางด้านหลังเป็นสระบัวสวรรค์ที่งดงาม จำลองมาจากสระทิพย์ของสวรรค์ คนผู้นั้นวาดมือไปบนอากาศ ก่อนที่สระด้านหน้าจะแหวกกว้างกลายเป็นบันได้ให้เดินลงไป 


        เยว่ชิงเบิกตามองไม่กระพริบ และเขาเห็นชัดเจนว่าคนผู้นั้นคือพุทธองค์หลี่จิ้งหยาง สระบัวนั้นซ่อนสิ่งใดเอาไว้กันแน่ เยว่ชิงจึงเดินตามพุทธองค์ลงไปยังด้านล่าง หากถูกจับได้คราวนี้เกรงว่าวิญญาณคงไม่เหลือชิ้นดี แต่ถึงแบบนั้นมันก็คงคุ้มค่าที่จะได้รู้ความลับของนักบวชทรงคุณธรรมผู้นี้ 


        ด้านล่างงดงามและสว่างไสว เสมือนอยู่บนวิมานชั้นฟ้าก็ไม่ปาน 


        มองจากมุมนี้ได้เห็นสรรพชีวิตดำเนินไปตามชะตาลิขิต เยว่ชิงไม่เคยเห็นที่แห่งนี้มาก่อน เขาสาบานได้เลยว่าตลอดเวลาที่อยู่กับพุทธองค์มานั้น ไม่เคยเห็นว่าจะออกจากวิหารระฟ้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว หรือสระบัวสวรรค์นี้พุทธองค์ก็ไม่เคยผ่านมาด้วยซ้ำ


        ร่างของพุทธองค์หายไปตรงทางแยก ไป๋เยว่ชิงเดินตามไปเรื่อยก็พบว่ามันแปลกมาก 


        สุดทางแยกก็มองเห็นเพียงสวนดอกไม้ ร่างของพุทธองค์หลี่จิ้งหยางหายไป สวนดอกไม้สีสันงดงามเต็มท้องทุ่ง เขาเดินวนเพื่อหาบุคคลที่เพิ่งเดินเข้ามา ทว่าก็พบเพียงความเงียบสงบ 


        ไม่มีพุทธองค์หลี่จิ้งหยาง ไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากทุ่งดอกไม้พวกนี้ 


        อย่างกับว่ามีพลังบางอย่างสร้างมันขึ้นมา เยว่ชิงสัมผัสไปที่ดอกไม้พวกนั้น มันก็หุบลงเหมือนป้องกันตนเองทันที นัยน์ตาสีชาพยายามมองหาสิ่งผิดปกติ แต่มันกลับไม่มีความผิดปกติอื่นใด นอกจากเขาที่มายืนอยู่กลางทุ่งเช่นนี้ 


        “ข้ามองไม่ผิดแน่ เมื่อครู่เป็นพุทธองค์หลี่จิ้งหยาง อย่างไรก็ใช่!”


        เยว่ชิงพึมพำกับตนเอง เมื่อเห็นว่าไม่มีสิ่งใดให้ตามหาก็เดินกลับออกไป คล้อยหลังของเยว่ชิงทุกอย่างก็กลับคืน หลุมศพขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น และพุทธองค์หลี่จิ้งหยางยังคงยืนอยู่ที่เดิม 


        สายลมพัดแรงขึ้นจนดอกไม้ลู่เอนไปกับพื้น


        “ไป๋ซื่ออิง!”


        ลมที่พัดแรงกลับมาสงบดังเดิม ทุกอย่างอยู่ในความเงียบอีกครั้ง


        “อาตมาไม่หวังให้เราเป็นเช่นนี้ทุกภพชาติ”


        “วังวนพวกนี้เมื่อไรกันที่ซื่ออิงจะหยุดหมุน และเมื่อไรกันที่ซื่ออิงจะปล่อยอาตมาไป”


        “ละทิ้งทุกอย่างเถอะนะ ถือว่าอาตมาขอ”


        พุทธองค์หลี่จิ้งหยางยังคงเอ่ยสนทนากับหลุมศพ โดยไม่รู้ว่าทุกอย่างนั้นอยู่ในสายตาของเยว่ชิง เขาไม่ได้ออกไปไหน เพราะคิดว่ามันต้องมีบางอย่างที่น่าสงสัย และมันก็เป็นอย่างที่คิดจริง หลุมศพนั้นคงเป็นใครสักคนที่ถูกซ่อนจากภายนอก 


        ใครสักคนที่พุทธองค์หลี่จิ้งหยาง เรียกว่า ซื่ออิง 


        เพียงมองอยู่ในระยะนี้เยว่ชิงกลับรู้สึกคุ้นตานัก คล้ายกับว่าเขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อน มันติดอยู่ในเศษเสี้ยวของความทรงจำ นึกเท่าไรเยว่ชิงก็นึกไม่ออก


        “เยว่ชิงไม่เกี่ยวข้อง อาตมาพูดเท่านี้หวังว่าซื่ออิงจะเข้าใจ” 


        แต่กลับมีลมโหมแรงจนอาภรณ์ของพุทธองค์นั้นปลิวสะบัด สังฆาฏิสีทองพาดบ่าลอยขึ้นไปด้านบน ก่อนจะกลายเป็นม่านมนต์ล้อมหลุมศพนั้นไว้ 


        วิชากักขัง! พุทธองค์กางม่านอาคมเพื่อกักขังวิญญาณในหลุมศพอย่างนั้นหรือ!


        สิ่งที่เยว่ชิงเห็นกับตาในวันนี้ ยิ่งตอกย้ำว่าพุทธองค์หลี่จิ้งหยางไร้ความเมตตาปราณี ไม่แน่ว่าในหลุมนั้นก็อาจโดนกระทำเช่นเดียวกับเขา และเพื่อกักขังวิญญาณไม่ให้ออกมาร้องบอกผู้ใด เยว่ชิงลอบออกมาอย่างเงียบเชียบ เขาไม่มีทางยอมให้พุทธองค์มากักขังตนอย่างแน่นอน


        หลี่จิ้งหยางปรายหางตามองวิญญาณที่เพิ่งเดินออกไป เขารู้ว่าเยว่ชิงแอบดูการกระทำทั้งหมด ถึงอย่างไรเรื่องราวพวกนี้สักวันเยว่ชิงก็ต้องรับรู้ เพียงแต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาอันสมควร นับแต่นี้จิตวิญญาณของเยว่ชิงจะลำบาก การเข้าไปสู่ยุทธภพคือจุดเริ่มต้นของหายนะ


        ไป๋เยว่ชิงกลับมาที่เรือนเล็กด้วยความรีบร้อน ความคิดสับสนปนเปจนแก้ไม่ออก สิ่งที่เขาเห็นเมื่อครู่ทั้งหมดนั้นไม่ใช่ความฝัน ไม่ใช่ว่าเยว่ชิงที่ตายไปแล้วเกิดเห็นภาพหลอน สีหน้าของพุทธองค์หลี่จิ้งหยางเมื่อครู่นั้นไม่ต่างผู้พิพากษาความตาย เขานึกอยากทำสิ่งใดก็ลงมือเลยโดยไม่สนว่าคนผู้นั้นจะเป็นอย่างไร หัวใจที่ตายแล้วของเยว่ชิงไม่เต้นรัว ทว่าเบื้องลึกมันสั่นคลอนและเผลอปล่อยให้ไอความแค้นพวยพุ่งเข้าหาจิต


        อึก!


        เยว่ชิงกดพลังที่กำลังควบคุมเขาอยู่ มันเป็นพลังที่รุนแรงและมักเผยออกมาบ่อยขึ้น เยว่ชิงยังควบคุมมันไม่ได้ นัยน์ตาสีชาสลับเปลี่ยนเป็นสีแดง ก่อนจะกลับมาเป็นสีชาดังเดิม


        เสียงกุกกักปลุกจื่อหลิงที่กำลังนอนหลับให้ตื่นขึ้นมา เขางัวเงียเดินตามหาต้นเสียงก่อนจะพบเข้ากับเยว่ชิงที่ตอนนี้แสดงสีหน้าเจ็บปวดล้มลงไปกับพื้น


        “เยว่ชิง!”


        “อึก...จื่อหลิง ยะอย่าเข้ามา!”


        วิญญาณที่กำลังดิ้นอยู่กับพื้นนั้นร้องห้ามเสียงดัง ในตอนนี้พลังนั้นมันทวีความรุนแรงมากขึ้น คล้ายกับว่าต้องการให้เยว่ชิงยินยอมรับมัน ทว่าเยว่ชิงฝืนไม่ยอมให้มันควบคุม การต่อสู้ระหว่างจิตที่ปะปนไปด้วยความสกปรกโสมม จากการดูดกลืนมาจากห้วงจิตมืด และพลังบางอย่างที่ผุดขึ้นมาโดยที่เยว่ชิงเองก็ไม่เคยรู้


        “ข้าไม่ยอม! อย่าหวังเลยว่าจะควบคุมข้าได้”


        “ไป๋เยว่ชิง”


        เสียงหนึ่งในห้วงจิตมืดกำลังเรียกชื่อเขา เยว่ชิงพยายามฝืนไม่ยอมฟังเสียงหลอกหลอนพวกนี้ 


        “เจ้าไม่อยาก...ล้างแค้นแล้วหรือ?”


        “หึ! ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า!!”


        “เยว่ชิงเจ้าพูดอะไรน่ะ”  จื่อหลิงเข้ามาใกล้ก็โดนพลังสะท้อนใส่จนกระเด็นไปอีกทาง เขาไปนอนคุดคู้จุกเสียดอยู่อย่างนั้น เยว่ชิงอยากหยุดมันแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย 


        จิตที่เคยเข้าฌานสมาธิโดนปิด เยว่ชิงไม่สามารถเข้าถึงมันได้


        “ไม่มีพลังจะแก้แค้นได้อย่างไร? เจ้าต้องมีข้าเพื่อต่อกรกับเขา” 


        “...”


        “สิ่งที่เจ้าเพิ่งเห็นมา คงยืนยันได้ใช่ไหมว่าวันหนึ่งเจ้าก็อาจโดนเช่นคนผู้นั้น เขาจะกักขังวิญญาณเจ้า ทรมานเจ้าให้เจ็บเจียนแตกสลาย”


        “เงียบ!!”


        “หึหึ! ไป๋เยว่ชิง เจ้าถึงกับยอมขวางทางของพุทธองค์ผู้สง่างาม แปลว่าเจ้าคงอยากสู้กับเขาจนถึงที่สุดเลยใช่หรือไม่? ยอมรับข้าซะ! แล้วเจ้าจะได้ทุกอย่างดังเนรมิต” 


        เสียงจากห้วงจิตมืดยังคงกรอกหูสองข้างไม่หยุด มันเอ่ยทุกเรื่องที่จะทำให้เยว่ชิงคล้อยตาม พลังนี้มีนามว่า ดาราดับ และมันต้องการเป็นหนึ่งเดียวกับเยว่ชิง “ทำไมต้องข้า!”


        “เพราะเจ้ามีความแค้น และข้าก็ชอบความแค้น”


        “...”


        “เรามาเป็นหนึ่งเดียวกัน และจับมือล้างแค้นนักบวชผู้นั้นกันเถอะเยว่ชิง เขาฆ่าเจ้าไม่ใช่หรือ? เจ้าเองก็มั่นใจว่าตนเองนั้นตายด้วยน้ำมือของเขาอย่างแน่นอน”


        “ข้าไม่ –”


        “เจ้าอยากสู้กับยุทธภพที่คิดมารุกรานวิหารระฟ้า มีข้าเอาไว้เจ้าเองก็ไม่ลำบาก อย่าฝืนอีกเลยเยว่ชิง สุดท้ายปลายทางข้ากับเจ้าก็ต้องเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่ดี เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก” 


        มือที่กำแน่นของเยว่ชิงค่อยคลายออก ดวงตาสีชานั้นหลับลงทีละน้อย สติของเขาดับวูบไปพร้อมกับเสียงหัวเราะชอบใจจากห้วงจิตมืด เยว่ชิงกลายเป็นหนึ่งเดียวกับพลังดาราดับ โดยที่เขานั้นไม่เคยรู้ที่มาของพลัง และเขาก็ยังไม่รู้ว่าทำไมมนุษย์เช่นเขาถึงมีพลังนี้ได้


        จื่อหลิงยันกายที่จุกเสียดคลานมาหาเยว่ชิง เขาเขย่าตัวสหายที่หลับตานิ่งไม่ยอมขยับ เมื่อตรวจพลังวิญญาณก็พบว่ายังอยู่ เขาถึงได้ล้มตัวลงนอนข้างเยว่ชิงพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก


        พุทธองค์แหงนหน้าท้องฟ้าที่มืดสนิท พลังดาราดับนั้นหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเยว่ชิงเสียแล้ว

         

         


สดับเพียรหมื่นภพชาติ



0 ความคิดเห็น

Enjoybook
ที่อยู่ : 4/12 ม.5 ซ.ไสวประชาราษฏร์25 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา ปทุมธานี 12150
เวลาทำการ : 09.00-18.00 น. จันทร์-ศุกร์