บทที่ 57 บทลงโทษของการเปิดเผยความลับสวรรค์
เทพมังกรน้อยแสนซน
เทพมังกรน้อยแสนซน

แบบตัวอักษร
ตัวอักษร 1 ตัวอักษร 2
สีพื้นหลัง
Aa Aa Aa Aa
ขนาดตัวอักษร
Aa+ Aa-

บทที่ 57 บทลงโทษของการเปิดเผยความลับสวรรค์


บทที่ 57 บทลงโทษของการเปิดเผยความลับสวรรค์


“ท่านจะให้หน่วนเป่าจัดการเรื่องอาวุธอย่างนั้นหรือ?”

หลี่เจิ้งลูบเคราพลางพยักหน้า “ถูกต้อง”

หน่วนเป่าอยากถามออกไปมากว่าท่านปู่ป่วยหรือ? “ตั้นปู่ ตั้นคือหลี่เจิ้งผู้มากประสบการณ์ แต่หน่วนเป่าเพิ่งจะอายุแค่ขวบกว่าเองนะ”

คาดไม่ถึงว่าหลี่เจิ้งจะยิ้มออกมาและยื่นมือออกไปสัมผัสผมของหน่วนเป่าแผ่วเบา “งั้นหรือ ทว่าข้าคิดว่าเจ้าควรมาทำหน้าที่แทนปู่นะ”

หน่วนเป่าก้าวถอยหลังไปอย่างตกใจ ท่านปู่หลี่เจิ้งคงเหน็ดเหนื่อยมากเสียจนผมล้านฟันร่วงหมดแล้วกระมัง จะให้นางตัดสินใจแทนงั้นหรือ ตอนนี้ตัวนางแข็งทื่อราวกับเป็นตอไม้ไปแล้ว

เมื่อหลี่เจิ้งเห็นว่าหน่วนเป่าดูกลัวแล้วจริง ๆ จึงได้หยุดหยอกล้อเจ้าก้อนแป้ง

“เหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ย้ำเตือนว่า ถึงแม้ครานี้วิกฤตจะคลี่คลายแล้ว แต่ครั้งต่อไปก็คงอยู่อีกไม่ไกลนัก” หลี่เจิ้งพูดกับหน่วนเป่าช้า ๆ ด้วยเกรงว่านางจะไม่เข้าใจ

ครั้นเห็นว่าดวงตาของนางยังคงกระจ่างแจ่มชัด จึงกล่าวต่อ “ตอนนี้พวกเรามีอาวุธแล้ว เช่นนั้นเราจึงต้องนำมันมาใช้”

นี่ไม่ผิด หน่วนเป่ารู้สึกเห็นด้วย

“แต่พวกเราเป็นเพียงแค่คนเดินดินธรรมดา พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องใช้มันอย่างไร” หลี่เจิ้งรู้สึกกังวล เขากลัวว่าหากทุกคนเริ่มฝึกฝนด้วยตัวเอง อาจจะพลาดพลั้งทำร้ายตัวเองเอาได้

มันจะได้ไม่คุ้มเสียเอาน่ะสิ!

“พรุ่งนี้ตอนที่ข้ากับท่านแม่ไปส่งฮูหยินของหลีซู่ ข้าควรขอยืมคนจากเขาหรือไม่เจ้าคะ?”

เทพมังกรตัวน้อยช่างมีศีลธรรม อ่า ไม่สิ ต้องเฉลียวฉลาดต่างหากเล่า

“ท่านปู่ ระหว่างการเดินทางเมื่อคืน ข้าเห็นก้อนหินหลายก้อนในบริเวณก่อนถึงภูเขา”

หน่วนเป่ากล่าวพลางแอบหยิบขนมออกมาจากกระเป๋ามังกรน้อยของตน และกัดมันอย่างระมัดระวัง สายตามองออกไปข้างนอกอย่างหวาดระแวง เพราะกลัวว่าหลินซื่อจะเข้ามาแย่งมันไป

นางกล่าวถึงสถานที่ที่หลี่เจิ้งมีอยู่ในความทรงจำ “หืม มีสถานที่เช่นนั้นด้วยหรือ แล้วหน่วนเป่าอยากได้ก้อนหินมาทำอะไรเล่า?”

“หน่วนเป่าคิดว่าจะสร้างกำแพงล้อมรอบหมู่บ้านของเราเจ้าค่ะ”

หน่วนเป่าพูดออกมาอย่างน่ารักพลางทำท่าทำทางด้วยมือเล็ก ๆ ของนาง แต่เปลือกตาของหลี่เจิ้งกลับกระตุกไม่หยุด เขาจำได้ว่าในวันนั้น หน่วนเป่าเองก็เคยกล่าวเอาไว้ว่า ‘จะสร้างกำแพงก่อน’ เหมือนกัน

หลี่เจิ้งไม่รู้ว่าหน่วนเป่ากำลังเล่นอะไรอยู่ ก่อนหน้านี้นางก็แค่ตีไก่แหย่สุนัข แต่ก็จะไม่แอบที่บ้านออกมาก่อเรื่องอะไร การที่นางกล่าวมาเช่นนี้ก็คงมีเหตุผลบางอย่าง

“เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวุ่นวายอยู่บ้าง วันนี้มีคนจากหมู่บ้านข้าง ๆ มาถามข่าวคราว แต่ข้าก็บอกปัดไปแล้ว” เมื่อเห็นว่าหน่วนเป่ามีสีหน้าสับสน จึงกล่าวต่อ “หากมีคนมาถามว่าพวกเราสร้างกำแพงทำไม เช่นนั้นแล้วเราควรตอบคำถามเหล่านั้นอย่างไรดีเล่า”

เจ้าก้อนแป้งลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวออกมา “เพราะผู้อพยพเจ้าค่ะ”

“ยังมีผู้อพยพเหลืออยู่อีกรึ!?” หลี่เจิ้งตกใจมาก ปัญหาเก่าเพิ่งจะหมดไป ปัญหาใหม่ก็โถมมาอีก!

หน่วนเป่าทำเพียงพยักหน้าแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา

ตามชะตาเดิม จะมีหิมะตกลงมาอย่างกะทันหันในวันที่สิบเดือนสิบ และกินเวลายาวนานกว่าครึ่งเดือน

แต่จากความรู้สึกของนาง ดูเหมือนว่าหิมะจะเริ่มตกในวันที่ยี่สิบเดือนเก้านี้แล้ว

เร็วกว่ากำหนดเดิมถึงยี่สิบวันเต็ม

ดวงตาของหน่วนเป่าฉายแววสับสนและไม่รู้จะทำอย่างไรออกมาเล็กน้อย

เป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้ว นอกจากคนไม่กี่คนในสกุลเซียว สิ่งอื่นในโลกนี้ช่างดูราวกับของเล่นเด็กสำหรับนาง

นี่แห่งนี้คือหนังสือเล่มหนึ่ง คนเหล่านี้ล้วนเป็นเพียงแค่หน้ากระดาษเท่านั้น

นางไม่ได้สนใจสิ่งใด และทำเพียงสิ่งที่ตนเองต้องการ นางเคยคิดว่าหากเต๋าสวรรค์เข้าข้างนาง นางก็คงจะผ่านพ้นภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในหนังสือไปได้

ในความคิดของนาง ภัยพิบัติเองก็เป็นเพียงของเล่นสำหรับนางเช่นกัน

แต่สิ่งที่นางเห็นทั้งหมดเมื่อคืนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง

จากนั้นนางถึงได้รู้สึกว่า คนเหล่านี้เองก็มีความอบอุ่น ความคิดและความรู้สึก

หากบอกว่าพลังศรัทธาของหลีซู่ทำให้นางเกิดความสงสัยเพียงสักเล็กน้อย เช่นนั้นแล้วพลังศรัทธาที่นางรับรู้ได้จากเมื่อคืนนี้ก็ได้ทำให้นางเข้าใจจนกระจ่าง 

นางยังรู้สึกได้ว่าผู้เป็นปะป๊าเต๋าสวรรค์เอ็นดูนางไม่ใช่เพียงแค่ปล่อยให้นางได้เล่นสนุกตามใจแน่ แต่บางทีตัวนางอาจมีภาระความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่งกว่าต้องทำ

“เตรียมฟืนสำหรับฤดูหนาว และก็เกี่ยวข้าวให้เสร็จก่อนวันที่สิบห้าเดือนเก้าเจ้าค่ะ” หน่วนเป่ากล่าวบางอย่างออกมาหลังจากที่เข้าใจอะไรชัดเจนขึ้นเล็กน้อย

หลี่เจิ้งรู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังสั่นสะท้าน แต่หน่วนเป่าก็ยังคงกล่าวถึงการเตรียมการขั้นต่อไป “กำแพงเองก็จะต้องสร้างให้เสร็จก่อนวันที่สิบห้าเดือนเก้าด้วย” 

ข้าว กำแพง ฟืนสำหรับฤดูหนาว ทุกสิ่งล้วนเป็นสิ่งจำเป็น

หลี่เจิ้งรู้สึกหวาดกลัวความคิดของตัวเองเป็นอย่างมากจนเด้งตัวลุกขึ้นมา “เด็กน้อย นี่พวกเรากำลังจะเผชิญภัยพิบัติครั้งใหญ่อีกครั้งใช่หรือไม่?”

หน่วนเป่าก้มศีรษะลงราวกับเด็กกระทำความผิด พลางพยักหน้าตอบอย่างระมัดระวัง “ฤดูหนาวกำลังจะมาเยือนแล้ว” 

หลี่เจิ้งนับเวลาด้วยนิ้วอันสั่นเทาของเขา อีกไม่นานก็จะเป็นวันที่สิบห้าเดือนเก้าแล้ว ซึ่งนั่นก็เป็นระยะเวลาแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น

“เด็กดี อย่าตกใจไปเลย เจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิด” หลี่เจิ้งก้าวเข้ามาอุ้มเจ้าก้อนแป้งไว้ในอ้อมแขนของตนเอง “ข้ารู้แล้วว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น แม้ว่าบนโลกนี้จะมีความมืดมิดที่ทำให้มองไม่เห็นอยู่มากมาย แต่ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือมีแสงอาทิตย์ส่องมาจากตรงไหนต่างหาก”

หลังจากที่หลี่เจิ้งรู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น เขาก็รู้สึกเสียใจมากที่เด็กตัวน้อยอย่างหน่วนเป่าต้องมาเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น

หน่วนเป่ามองไปยังปู่หลี่เจิ้งสายตาว่างเปล่า

เด็กคนนี้อาจมีชะตาที่ต้องเกิดมาเพื่อแก้ไขเรื่องวุ่นวายต่าง ๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ผู้ใหญ่หลายคนจะผูกมัดความเจริญรุ่งเรืองของชาติบ้านเมืองไว้กับเด็กตัวเล็ก ๆ เช่นนี้ “เจ้าแค่เติบโตมาอย่างมีความสุขก็พอ หากมีเวลาว่างก็ไปเดินเล่นที่ทุ่งนาดูต้นกล้าพวกนั้น หรือไม่ก็ขึ้นภูเขาไม่หาแมวจับนก เล่นกับเด็ก ๆ พวกนั้นเถอะ” 

เมื่อนึกถึงภาระความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงที่เด็กคนนี้ต้องแบกรับในอนาคต หลี่เจิ้งก็รู้สึกอยากให้นางมีวัยเด็กที่มีความสุข

ท้ายที่สุดแล้วนางก็ยังเป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง หลังจากฟังสิ่งที่หลี่เจิ้งกล่าว ดวงตาของหน่วนเป่าพลันสว่างไสวขึ้นมา และพยักหน้าตอบรับอย่างรวดเร็ว “ได้เจ้าค่ะ”

บ่ายวันนั้น หน่วนเป่าได้ไปตรวจตราต้นกล้าและแปลงผักทั้งหมดที่อยู่ในหมู่บ้านหลิวกัง

“หน่วนเป่า เจ้ากำลังนั่งทำอะไรอยู่แปลงนาน่ะ?”

คุยกันเอาไว้อย่างดีว่าจะไปที่ภูเขาเพื่อจับนก สุดท้ายกลับมาที่ทุ่งนา กลุ่มเด็กกระโดดกระทืบเท้าเดินกันมา

หน่วนเป่ายืนขึ้นและทุบลงไปบนน่องอย่างเหนื่อยล้าด้วยกำปั้นเล็ก ๆ ก่อนจะกล่าวออกมา “พูดถึงชีวิตคนเรา ก็ต้องพูดถึงหลักการ”  

เพียงแค่พื้นที่ในหมู่บ้านหลิวกังกว้างใหญ่ไปหน่อย นางจึงไม่ได้พูดถึงหลักการเหตุผลอะไรมาก

เด็กฟันหลอสวมกางเกงไร้เป้าคนหนึ่ง เช็ดจมูกพลางถามหลิวเกิ่นเซิง “ชีวิตคนเราคืออะไรอย่างนั้นหรือ”  

“ชีวิตคนเรา? ไม่รู้จักหรือ ถ้าพูดถึงหลักการล่ะก็ข้ารู้ เมื่อช่วงตรุษจีนที่ผ่านมาข้าเอาประทัดไปจุดใกล้เตียงเตา พ่อข้าเลยพูดเรื่องหลักการกับข้าทันที”

เขาจำเรื่องน่าเศร้าที่เกิดขึ้นในวันนั้นได้ ก่อนจะตัวสั่นขึ้นมา ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหน่วนเป่าจะน่ากลัวขนาดนั้น 

หน่วนเป่าไม่รู้ว่าตนเองได้กลายเป็นตำนานไปแล้ว ขณะนั้นนางได้พาหลิวเกิ่นเซิงและน้องชายตัวน้อยไปจับนกบนภูเขาอย่างมีความสุข

“ทำไมรังนกถึงย้ายที่เล่า พวกมันย้ายรังกันไปแล้วหรือ?”

นอกจากนี้ยังมีบางคนสายตาเฉียบคมสังเกตเห็นถึงสิ่งผิดปกติ แต่น่าเสียดายที่คนเหล่านั้นต่างปิดปากเงียบ

หน่วนเป่าเพียงแค่อยากเล่นสนุกก็เท่านั้น หากใช้จิตค้นหามันก็คงจะน่าเบื่อเกินไป

ทันใดนั้น เสียงที่อยู่ในบริเวณป่าก็เงียบไป

มีแค่หน่วนเป่าที่ร้อง “เฮ้” ออกมาคำหนึ่ง ยอดไม้ต่างพากันสั่นไหว และแล้วมูลนกก็ตกลงมา

“นก นกเต็มไปหมดเลย!” หน่วนเป่าร้องออกมาและใช้ขาสั้น ๆ วิ่งเข้าไป

หลิวเกิ่นเซิงตะโกน “หน่วนเป่า รีบวิ่งเร็วเข้า”

เด็ก ๆ ที่อยู่ตรงนั้นต่างก็พากันวิ่งกระเจิง

หลิวเกิ่นเซิงอยากวิ่งเข้าไปอุ้มหน่วนเป่าขึ้นมา แต่ต้าไป๋ที่ขึ้นเขามาด้วยก็ได้วิ่งเข้าไปคว้าตัวหน่วนเป่าและวิ่งลงจากภูเขาไปแล้ว

ในตอนที่เด็ก ๆ ลงมาจากภูเขา ตามเนื้อตัวของพวกเขาก็เต็มไปด้วยขี้นก แม้แต่ต้าไป๋เองก็ไม่รอดเช่นกัน

หลินซื่อที่กำลังดองผักอยู่หยุดการเคลื่อนไหวลง “เหมือนจะได้ยินเสียงร้องไห้ของหน่วนเป่าเลย!” 

เซียวหย่งฝูปาดเหงื่อและกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “หน่วนเป่าจะร้องไห้ได้อย่างไร เด็กคนนั้น… เอ๋ เหตุใดข้าถึงได้ยินเสียงร้องของเด็ก ๆ ด้วยเล่า”

ทั้งสองคนรีบวิ่งไปที่ประตูและเห็นหมาป่าขาววิ่งเข้ามา มันกำลังคาบอะไรบางอย่างเอาไว้ในปาก และสีตัวของมันก็ดูเหมือนกับเสื้อผ้าที่หน่วนเป่าสวมใส่วันนี้

“แง แง”

“ท่านแม่ ข้าจะไปหาท่านแม่”

หมาป่าขาวเคลื่อนไหวรวดเร็ว เพียงพริบตาก็มาถึงหน้าประตู “หน่วนเป่า เจ้า… เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

หลินซื่อปิดจมูกและกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้

“ข้าตัวเหม็นแล้ว ฮือ” หน่วนเป่าสะอึกสะอื้น นี่ต้องเป็นบทลงโทษที่นางเปิดเผยความลับสวรรค์เป็นแน่!



0 ความคิดเห็น

Enjoybook
ที่อยู่ : 4/12 ม.5 ซ.ไสวประชาราษฏร์25 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา ปทุมธานี 12150
เวลาทำการ : 09.00-18.00 น. จันทร์-ศุกร์