บทที่ 55 ในนามของเทพมังกร
ชายคนนั้นไม่เพียงแค่ตะโกนออกมาเท่านั้น แต่ยังชี้นิ้วไปทางเด็กที่หน่วนเป่าพาออกมาด้วย “ไอ้เด็กเวร ข้าตามหาแกมานานแล้ว ข้าจะสับแกเป็นชิ้น ๆ!”
ชายคนนั้นจ้องเขม็งไปทางเด็กคนนั้น ทำให้นางกลัวจนขาสั่นและทรุดตัวลงไปคุกเข่าอยู่บนพื้น
ทันใดนั้น เหล่าสตรีเสียสติก็พุ่งเข้าไปทุบตีชายที่ถูกจับให้คุกเข่าอยู่บนพื้น
แม้แต่ทหารเองก็แยกพวกเขาออกจากกันไม่ได้
“ไสหัวไป นังสารเลว ถ้าแกยังขยับอีกข้าจะคว้านไส้ของเจ้ามาโยนให้สุนัขกิน”
ในตอนนั้น ใบหน้าของคนในหมู่บ้านหลิวกังต่างเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ด้วยระยะทางสั้น ๆ และวิธีการอันน่าสะพรึงเช่นนี้ พวกเขาจะสามารถหนีรอดไปได้อย่างไร
ชายคนนั้นชี้ไปทางชาวบ้านที่อยู่ตรงนั้น “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่าเจ้ามาจากหมู่บ้านไหน เมื่อถึงเวลา ข้าจะให้พวกเจ้าดูให้เต็มตาว่าข้าทำกับสตรีของพวกเจ้าอย่างไร...อั่ก อั่ก...”
ในตอนนั้นเอง คนที่อยู่ตรงนั้นก็ได้คว้าคอของเขาเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถพูดออกมาได้อีก ภายใต้สายตาที่จ้องมองมาอย่างเฉียบคมของหน่วนเป่า
“ถูกจับได้ก็ยังทำตัวไร้ศีลธรรมได้ถึงขนาดนี้ ดูเหมือนว่าแม้แต่เง็กเซียนเองก็คงไม่อาจควบคุมเจ้าได้” หน่วนเป่ากล่าวขึ้นมา ส่งผลให้ชายคนนั้นมองนางด้วยความโกรธเกรี้ยว “ถึงอย่างนั้นกฎแห่งสวรรค์ย่อมเที่ยงธรรม ผลแห่งกรรมย่อมไม่ละเว้น หากปล่อยให้เจ้าหนีรอดไปได้ เช่นนั้นจะมีกฎแห่งสวรรค์ไปทำไม”
“จงคุกเข่าลงเสีย เจ้าพวกไร้จิตสำนึก การที่พวกเจ้ากัดกินเลือดเนื้อของผู้อ่อนแออย่างไร้ซึ่งความเห็นใจเช่นนี้ นับว่าเป็นบาปประการที่หนึ่ง”
หลังจากที่หน่วนเป่ากล่าวจบ ภูเขาและป่าไม้พลันเงียบสงบ เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจ
“จงคุกเข่า เจ้าได้ฝ่าฝืนจริยธรรมและศีลธรรม ขืนใจสตรี นับเป็นบาปประการที่สอง”
เสียงฟ้าร้องคำรามดังก้อง ทำให้ทุกคนรับรู้ได้ถึงความพิโรธของสวรรค์
“จงคุกเข่า ให้กับการกระทำที่ต่ำช้าและน่าอับอาย นับเป็นบาปประการที่สาม”
ทุกคำพูดของเด็กตัวน้อยดูราวกับว่ามีแรงกดดันมหาศาลที่ทำให้เหล่าผู้อพยพไม่อาจเงยหน้าขึ้นมาได้
ฉีสือเยี่ยนรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก นี่แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าแรงกดดันของเทพธิดาเสียอีก
บรรดาชาวบ้านของหมู่บ้านหลิวกังกับทหารที่ถูกย้ายมา ต่างพากันตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและตัวสั่นงันงก
ทุกคนถอยไปข้างหลัง อีกครั้งและอีกครั้ง
สัญชาตญาณบอกพวกเขาว่ามีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น
เซียวหย่งฝูกับเซียวหยวนหลาง ต่างมองหน้ากันและหัวใจของพวกเขาก็จมลง
มีเพียงแค่ดวงตาของหลีซู่เท่านั้นที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น โอ้ ท่านเทพเซียน!
“ในวันนี้ ในนามของเทพมังกร ข้าขอพิพากษาบาปเหล่านี้ด้วยนามของสวรรค์ บาปของพวกเจ้าถูกสวรรค์ลงทัณฑ์”
ในยามที่หน่วนเป่ากล่าวออกมา ลวดลายมังกรสีทองขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นข้างหลัง ทำให้ร่างของนางดูเปล่งประกายสูงส่งและสง่างาม
ในตอนนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่นกและสัตว์ร้ายที่อยู่บนภูเขาเท่านั้น แม้แต่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่ในรัฐฉี ต่างก็สัมผัสได้ถึงความชอบธรรมอันน่าเกรงขามของสรวงสวรรค์เช่นเดียวกัน
ทุกคนต่างหมอบกราบและคิดอยู่ภายในใจเงียบ ๆ พวกเขาไม่ได้ถูกสวรรค์ทอดทิ้ง!
เป็นครั้งแรกที่ฉีสือเยี่ยนคุกเข่าลงด้วยความเต็มใจ เด็กชายก้มศีษะลงแนบพื้นพลางตะโกนกู่ร้องอยู่ในใจ ขอให้เหล่าทวยเทพอวยพรรัฐฉี!
ฉับพลันนั้น เกิดหลุมฉีกกระชากผืนฟ้า แสงไฟขนาดใหญ่ตกลงมาจากท้องนภาเบื้องบน
เหล่าผู้อพยพที่ถูกกักขังเอาไว้ด้วยแรงกดดันจากสรวงสวรรค์ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นแสงของลูกไฟที่ตกลงมาได้ แต่พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจอันหนักหน่วงแห่งความตาย ซึ่งมันทำให้พวกเขาหายใจอย่างยากลำบาก
โดยเฉพาะเสียงตะโกนที่ดังขึ้นอยู่รอบด้าน ทำให้ผู้อพยพเหล่านี้รู้สึกได้ว่ามีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น
“นั่นมันอะไรน่ะ” ทหารที่อยู่ตรงนั้นหลายคนตะโกนขึ้นมา
“โอ้ สวรรค์ นั่นคือลูกไฟอย่างนั้นหรือ” ชาวบ้านคนหนึ่งยกมือขึ้นมาปิดปาก
“จะเป็นไฟไปได้อย่างไร ข้าไม่รู้สึกถึงความร้อนจากมันเลยนะ แต่สิ่งนี้มันสว่างจ้าเกินไป ใช่พระจันทร์ที่ตกลงมาหรือไม่”
หากสังเกตดูให้ดี จะเห็นว่าลูกไฟลูกนั้นมีเปลวไฟสีน้ำเงินอยู่ตรงกลาง และมีเปลวไฟสีแดงล้อมรอบอยู่ด้านนอก
เซียวหยวนหลางรู้อยู่แล้วว่าน้องน้อยเป็นผู้มีพลัง เนื่องจากตอนนั้นที่หน่วนเป่าร้องไห้อยู่สามวัน ทำให้ฝนตกติดกันเป็นเวลาสามวัน
แต่คาดไม่ถึงเลยว่าพลังที่แท้จริงจะยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้
เซียวหยวนหลางรู้สึกสั่นสะท้าน เมื่อนึกไปถึงในยามที่หน่วนเป่าโตขึ้น และมีคนรู้เกี่ยวกับความสามารถของนาง…
หมาป่าขาวทรุดตัวลงหมอบอยู่ข้างหลังเจ้าตัวน้อย พลางปลอบใจตัวเองไปด้วย ว่าที่ผ่านมานางใจดีกับตนมากจริง ๆ
เรื่องเรียกว่าสุนัข ดูเป็นเรื่องเล็กไปเลย
ลูกไฟที่อยู่บนท้องฟ้า เข้าปกคลุมเหล่าผู้อพยพเอาไว้ แต่ไม่ได้ทำร้ายเด็กสาวและทหารที่อยู่ใกล้เคียงเลยแม้แต่น้อย
“อ๊ากกก”
“ช่วยด้วย!”
“พวกข้าผิดไปแล้ว”
เสียงร้องไห้คร่ำครวญที่ดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ทำให้หนังศีรษะของผู้คนตื้อชา แต่เมื่อคิดไปถึงวิญญาณและกระดูกของผู้ที่ไร้เดียงสามากมายภายในถ้ำ มันก็ยังนับว่าน้อยไปด้วยซ้ำ
“สมควรโดนแล้ว” ชาวบ้านคนหนึ่งกล่าวพลางถ่มน้ำลายออกมา
“ตายไปก็ไม่น่าเสียดายเลยสักนิด” นายทหารผู้หนึ่งกล่าวพลางกำกระบี่ที่อยู่ในมือแน่น
“นี่คือการลงโทษจากสวรรค์ การลงโทษของเทพมังกร” บางคนมองมาทางหน่วนเป่าด้วยสายตาที่เร่าร้อน
ชาวบ้านหลายคนไม่เพียงแต่รู้สึกโล่งใจ แต่พวกเขายังรู้สึกสบายใจมากอีกด้วย
เพราะหมู่บ้านนี้อยู่ใกล้กับหมู่บ้านหลิวกังมาก
ผู้อพยพต่างกลิ้งตัวไปมาบนพื้น พยายามดับไฟอย่างสิ้นหวัง
สิ่งที่แปลกก็คือ แม้ว่าเปลวไฟจะลุกโชนอย่างรุนแรงเพียงใด แต่มันก็ไม่ได้ทำร้ายผู้อื่นเลยแม้แต่น้อย แม้แต่นกและสัตว์ที่อยู่ในป่าเองก็เช่นกัน
ไฟสวรรค์เหล่านั้นดูเหมือนจะอยู่ทุกหนทุกแห่ง
เพราะว่าการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์มีอยู่ทุกหนแห่ง
แต่ผู้คนที่อยู่รอบนอก กลับไม่รู้สึกถึงอุณหภูมิของเปลวไฟแม้แต่น้อย
ภายใต้แสงจากเปลวเพลิงเองก็ไม่ได้มีฉากโศกนาฎกรรม
ไฟสวรรค์เริ่มเผาส่วนที่ชั่วร้ายที่สุดของมนุษย์ หลังจากนั้นก็เผาไหม้ผิวหนังของพวกเขา
“อ๊ากกก ได้โปรด ขอร้องล่ะ ช่วยข้าด้วย”
“ข้ารู้ความผิดแล้ว ข้ารู้แล้วจริง ๆ ว่าข้าทำผิด”
หลายคนที่ไม่สามารถดับไฟได้ จึงเริ่มคุกเข่าเพื่ออ้อนวอนขอความเมตตาจากหน่วนเป่า
“ข้าเต็มใจชดใช้บาปของข้า เต็มใจชดใช้บาป อ๊ากก”
ในยามที่คนผู้นั้นกล่าว เปลวไฟก็เผาไหม้ผิวหนังของเขา
ในชั่วพริบตา เหล่าผู้อพยพก็เหลือเพียงขี้เถ้า
เมื่อเห็นฉากเหล่านี้ เด็กสาวและสตรีที่ตั้งครรภ์ ต่างหลั่งน้ำตาออกมา
มีเพียงแค่ในช่วงเวลานี้เท่านั้น ที่พวกนางกล้าเปิดปากพูดออกมา
“เดรัจฉาน”
“เอาลูกของข้าคืนมา!”
……
หน่วนเป่ารู้สึกหมดหนทางเป็นครั้งแรก ในอดีตคนพวกนี้ที่กินเนื้อมนุษย์เองก็เคยเป็นเหยื่อเช่นกัน พวกเขาล้วนถูกข่มเหงและทำเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอด
“พวกเจ้า...”
พวกเจ้ายังถือว่ามีจิตสำนึกที่ดีอยู่บ้าง อย่างน้อยก็ได้ช่วยเด็กคนนี้เอาไว้ เฮ้อ...
แต่ก่อนที่นางจะกล่าวจบ นางก็เห็นร่างเปลือยเปล่าเหล่านั้นวิ่งเข้าไปในกองไฟ
“ฮึก” น้ำตาสายหนึ่งไหลรินออกมาบนใบหน้าของหน่วนเป่า
ชาวบ้านบางคนที่เห็นดังนั้นต่างกล่าวออกมาอย่างเร่งรีบ “ไอ้หยา เหตุใดเด็กพวกนี้ถึงได้...”
พวกเขามองไปทางหน่วนเป่าอย่างคาดหวัง เด็กหญิงเหล่านั้นต่างก็ยังเป็นเด็กไร้เดียงสา!
“พวกนางกินเนื้อมนุษย์ และไม่สามารถละวางความรู้สึกผิดเก่าก่อนได้”
เมื่อเกิดหิมะถล่ม ล้วนไม่มีเกล็ดหิมะใดที่ไร้ซึ่งส่วนร่วม
“อ้า!”
ทุกคนพูดไม่ออก
พวกเขาต่างก็บอกว่าวิถีแห่งสวรรค์นั้นไร้ซึ่งความยุติธรรม แต่ผู้คนก็ยังคงศรัทธา
ว่ากันว่าหัวใจของผู้คนในอดีต มีเทพอยู่เหนือศีรษะสามฉื่อ และทุกสิ่งทุกอย่างก็มีจุดจบของมันเอง
เมื่อยืนอยู่เบื้องหน้าวังนรก จะสามารถโต้เถียงได้อย่างไร
ไฟสวรรค์เผาไหม้เป็นเวลานาน ก่อนจะมอดดับลง
เหลือเพียงเศษฝุ่นธุลีบนพื้น ไร้ซึ่งร่องรอยของผู้ที่ถูกแผดเผาจากดวงไฟที่ตกลงมาจากฟากฟ้า
เมื่อหลีซู่หันไปเห็นสีหน้าอันเปี่ยมไปด้วยความศรัทธาของเหล่าทหาร เขาก็ค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้า และกล่าวว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้จะต้องไม่นำไปบอกสู่ภายนอก”
“หากมีการฝ่าฝืนใด ๆ เกิดขึ้น...”
ทันใดนั้น เหล่าทหารต่างก็คุกเข่าลงและกล่าวออกมาเสียงดัง “พวกเรายินดีติดตามรับใช้ท่านเทพมังกร ยินยอมรับใช้เป็นม้าเป็นสุนัข และจะเชื่อฟังคำสั่งของท่านทุกอย่างขอรับ”
เสียงคำรามที่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ดังก้องสะท้อนไปมาระหว่างสวรรค์และโลก กลายเป็นคำสาบานที่จงรักภักดีที่สุด
หน่วนเป่าใช้มือเล็ก ๆ กุมหัวใจของนางเอาไว้ และในตอนนั้นเองที่นางสัมผัสได้ถึงพลังแห่งศรัทธาอันบริสุทธิ์ไหลบ่าเข้ามา
สิ่งที่นางไม่รู้ก็คือ มีสายตาอันเร่าร้อนอีกคู่หนึ่งอยู่ข้างหลังของนางด้วย
ฉีสือเยี่ยนตัดสินใจแล้วว่าจะปกป้องนางจนกว่านางจะโตขึ้น
เขาจะต้องการเป็นผู้สนับสนุนที่มั่นคงให้กับเจ้าตัวน้อยผู้นี้!
0 ความคิดเห็น